มะเร็งทอนซิล พบได้น้อย (ประมาณร้อยละ 0.5 ของมะเร็งทั้งหมด) พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง พบมากในคนอายุ 40 ปีขึ้นไป ในคนอายุน้อยกว่า 40 ปีพบได้ประปราย ส่วนใหญ่จะเป็นเพียงข้างเดียว
สาเหตุ
ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งชนิดนี้ ได้แก่
การสูบบุหรี่ และการเสพยาสูบในรูปแบบอื่น ๆ
การดื่มสุราจัด
การติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (Human papilloma virus/HPV) จากการมีเพศสัมพันธ์โดยทางปาก
มีการบริโภคสารก่อมะเร็ง เช่น การกินหมาก
การบริโภคผักและผลไม้น้อย
อาการ
มีอาการเจ็บคอเรื้อรังข้างหนึ่ง อาจเจ็บร้าวไปที่หูข้างเดียวกัน อาจพบมีเลือดปนในน้ำลายหรือเสมหะ มีกลิ่นปากเรื้อรัง กลืนลำบาก พูดเสียงคับปาก หายใจลำบากร่วมด้วย
มักตรวจพบว่าทอนซิลโตข้างหนึ่ง และต่อมน้ำเหลืองใต้คางหรือข้างคอโตจากการแพร่กระจายของมะเร็ง (บางครั้งอาจเป็นอาการที่นำผู้ป่วยมาพบแพทย์)
ภาวะแทรกซ้อน
เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการที่มะเร็งลุกลามไปที่อวัยวะข้างเคียง เช่น โคนลิ้น โพรงไซนัส กระดูกกราม กระดูกใบหน้า
ในระยะท้าย มะเร็งมักแพร่กระจายผ่านเข้ากระแสเลือดไปที่ปอด (เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก), ตับ (เจ็บชายโครงขวา ตาเหลืองตัวเหลือง ท้องมาน), กระดูก (ปวดกระดูก กระดูกพรุน กระดูกหัก ปวดหลัง ไขสันหลังถูกกดทับ)
การวินิจฉัย
แพทย์จะวินิจฉัยโดยการตัดชิ้นเนื้อนำไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ และใช้กล้องส่องตรวจกล่องเสียง หลอดลมและหลอดอาหาร เพื่อดูว่าการลุกลามของมะเร็งมายังอวัยวะเหล่านี้ จะทำการตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีต่าง ๆ (เช่น เอกซเรย์, อัลตราซาวนด์, เอกซเรย์คอมพิวเตอร์, การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า-MRI, การตรวจเพทสแกน- PET scan เป็นต้น) เพื่อประเมินว่าเป็นมะเร็งระยะใด
การรักษาโดยแพทย์
แพทย์จะให้การรักษาด้วยการผ่าตัดร่วมกับรังสีบำบัด บางรายอาจให้เคมีบำบัดร่วมด้วย
ผลการรักษา โดยเฉลี่ยผู้ป่วยมีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปี มากกว่าร้อยละ 60
การดูแลตนเอง
หากสงสัย เช่น มีอาการเจ็บคอเรื้อรังข้างหนึ่ง, เจ็บคอร่วมกับเจ็บร้าวไปที่หูข้างเดียวกัน, มีเลือดปนในน้ำลายหรือเสมหะ, มีกลิ่นปากเรื้อรัง กลืนลำบาก หรือพูดเสียงคับปาก, มีก้อนแข็ง (ต่อมน้ำเหลือง) ที่ใต้คางหรือข้างคอ
เมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็งทอนซิล ควรดูแลตนเอง ดังนี้
รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
หลีกเลี่ยงการซื้อยามากินเอง
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช โปรตีนที่มีไขมันน้อย (เช่น ปลา ไข่ขาว เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง)
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหาทางผ่อนคลายความเครียด
ออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งงานอดิเรกที่ชอบ และงานจิตอาสา เท่าที่ร่างกายจะอำนวย
ทำสมาธิ เจริญสติ หรือสวดมนต์ภาวนาตามหลักศาสนาที่นับถือ
ถ้ามีโอกาสควรหาทางเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน หรือกลุ่มมิตรภาพบำบัด
ผู้ป่วยและญาติควรหาทางเสริมสร้างกำลังใจให้ผู้ป่วย ยอมรับความจริง และใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีและมีคุณค่าที่สุด
ถ้าหากมีเรื่องวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและวิธีบำบัดรักษา รวมทั้งการแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร ยาหม้อ ยาลูกกลอน การนวด ประคบ การฝังเข็ม การล้างพิษ หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี
ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้
- มีอาการไม่สบายหรืออาการผิดปกติ เช่น มีไข้ อ่อนเพลียมาก หอบเหนื่อย หายใจลำบาก ชัก แขนขาชาหรืออ่อนแรง ซีด มีเลือดออก ปวดท้อง ท้องเดิน อาเจียน เบื่ออาหารมาก กินไม่ได้ ดื่มน้ำไม่ได้ เป็นต้น
- ขาดยาหรือยาหาย
- ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ
การป้องกัน
ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล อาจลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งทอนซิลด้วยการปฏิบัติ ดังนี้
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และการเสพยาสูบทุกรูปแบบ (เช่น การเคี้ยวยาสูบ การสูดยานัตถ์)
หลีกเลี่ยงการดื่มสุราจัด
หลีกเลี่ยงการกินหมาก
ป้องกันไม่ให้ติดเชื้อเอชพีวี ด้วยการหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์เสรีและไม่ปลอดภัย รวมทั้งการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก ควรปรึกษาแพทย์ในการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อเอชพีวี
ข้อแนะนำ
1. ผู้ที่มีอาการเจ็บคอและทอนซิลโตข้างหนึ่งเรื้อรัง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัด
2. ปัจจุบันมีวิธีบำบัดรักษาโรคมะเร็งใหม่ ๆ ที่อาจช่วยให้โรคหายขาดหรือทุเลา หรือช่วยให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ผู้ป่วยจึงควรติดต่อรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็ง มีความมานะอดทนต่อผลข้างเคียงของการรักษาที่อาจมีได้ อย่าเปลี่ยนแพทย์ เปลี่ยนโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น หากสนใจจะแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี
โรคมะเร็งทอนซิล (Cancer of tonsil) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/